ฝ้า กระ เกิดจากอะไร? ต่างกันยังไง? และวิธีรักษาแบบไหนให้เหมาะกับผิวคุณ

ฝ้า กระ เกิดจากอะไร? ต่างกันยังไง? และวิธีรักษาแบบไหนให้เหมาะกับผิวคุณ

สวัสดีค่ะสาว ๆ และทุกคนที่อยากมีผิวสวยใส! เรื่อง ฝ้า กระ นี่คงเป็นดราม่าผิวยอดฮิตที่เจอจนปวดใจใช่มั้ยคะ หลายคนน่าจะเคยมีช่วงเวลาที่ต้องยืนหน้ากระจกแล้วสงสัยว่า รอยสีน้ำตาลหรือจุดบนหน้าเรานี่ เป็นฝ้าหรือกระกันแน่ใช่ไหมคะ เชื่อว่าหลายคนคงแอบเซ็ง อยากให้ผิวกลับมาเนียนเหมือนเดิมแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง โดยเฉพาะคนที่ต้องเจอแดดบ่อย ใช้สกินแคร์ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือมีผิวบอบบางแพ้ง่าย วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับสาเหตุของฝ้าและกระว่าแท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นจากอะไร ใครบ้างที่เสี่ยงจะเป็นมากกว่าคนอื่น พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลรักษาที่ปลอดภัย เห็นผล และไม่ทำให้ผิวพังในระยะยาวค่ะ 

ฝ้า (Melasma) คืออะไร?

ฝ้า (Melasma) คือปัญหาผิวที่หลายคนกังวลใจ โดยเฉพาะในสาว ๆ วัย 20-50 ปี หรือคนที่มีผิวคล้ำจะเจอบ่อยกว่า มักจะเริ่มสังเกตเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ลักษณะของฝ้าจะเป็นรอยคล้ำหรือปื้นสีน้ำตาลอมเทาหรืออมเหลือง ที่ขึ้นเป็นแถบ ๆ บนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก ฝ้ามักมีขอบเขตไม่ชัดเจน ต่างจาก “กระ” ที่มักจะเป็นจุดเล็ก ๆ คมชัดกระจายทั่วใบหน้า ซึ่งทำให้หลายคนสับสนว่าอันไหนคือฝ้า อันไหนคือกระ

สาเหตุหลักของฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดอย่างเดียวนะคะ แต่ยังมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงตั้งครรภ์ การกินยาคุม หรือแม้แต่วัยทองก็ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เมลานินผลิตเม็ดสีมากขึ้นจนกลายเป็นฝ้าได้ง่าย ยิ่งถ้าเราไม่ทาครีมกันแดดหรือไม่หลบแดดเลย ผิวก็ยิ่งมีโอกาสโดนกระตุ้นบ่อยขึ้น จนกลายเป็นฝ้าลึกที่รักษายาก ดังนั้นควรปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทุกวัน และดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง แค่นี้ก็สามารถเสริมเกราะให้ผิวได้แล้วค่ะ 

กระ (Freckles) คืออะไร?

กระ (Freckles) คือจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลที่มักขึ้นบนใบหน้า ไหล่ แขน หรือบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ โดยเฉพาะในคนที่มีผิวขาวหรือผิวไวต่อแสงแดด กระจะดูเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อออกแดด เพราะร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติเพื่อปกป้องผิว ซึ่ง กระจะมีขนาดเล็กราว 1-2 มม. สีออกน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม ขอบค่อนข้างชัด ต่างจาก “ฝ้า” ที่เป็นปื้นใหญ่และขอบเบลอ ที่น่าสนใจคือกระมักจะเข้มขึ้นช่วงหน้าร้อน และจางลงในหน้าหนาวหรือเมื่อหลบแดด ไม่เจ็บไม่คัน แต่ถ้ามีเยอะอาจทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอ ซึ่งกระมี 3 ประเภท ดังนี้

  • กระแดด (Solar Lentigines) 

เกิดจากแสงแดดสะสมมาในระยะยาว พบมากในวัย 30 ขึ้นไป

  • กระธรรมดา (Ephelides) 

กระทั่วไปในเด็กถึงวัยรุ่น เกิดจากพันธุกรรมผสมแดด

  • กระเนื้อ (Seborrheic Keratoses)

จะนูนขึ้นจากผิวหนังเล็กน้อย และมักเกิดในผู้สูงอายุ

ตัวการหลักของการเกิดกระ คือ แสงแดด โดยเฉพาะรังสี UV ที่ไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้ทำงานหนักเกินไป รวมถึงพันธุกรรมก็มีผลเหมือนกัน ถ้าคุณมีพ่อแม่หรือญาติเป็นกระ หรือมีผิวขาว ผมแดง ตาสีอ่อน ลูกก็มีแนวโน้มจะมีกระสูงเลยค่ะ การป้องกันที่ดีที่สุดจึงเป็นการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงแดดช่วงเที่ยง และเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้นได้ค่ะ หากใครมีปัญหาเกี่ยวกับฝ้า กระ และกำลังต้องการที่ปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำการรักษาที่เหมาะสมแก่คุณ สามารถสอบถามทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของคิโยมิคลีนิคได้เลย

ฝ้า vs กระ ต่างกันยังไง?

ลักษณะฝ้า (Melasma)กระ (Freckles)
ลักษณะเป็นปื้นคล้ำ สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม กลืนกับผิวเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาล 1-2 มม.กระจายเป็นหย่อม ๆ บนผิว
ตำแหน่งที่พบบ่อยโหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก คางแก้ม จมูก หน้าผาก ไหล่ แขน หรือบริเวณโดนแดดบ่อย
สาเหตุหลักฮอร์โมน แสงแดด พันธุกรรมแสงแดด พันธุกรรม
สีของรอยมักมีสีเข้มแบบเทา น้ำตาลเข้มหรืออมดำสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแดง ขึ้นชัดเมื่อโดนแดด
ชั้นผิวที่เกิดอาจอยู่ได้ทั้งชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ส่วนใหญ่อยู่ในชั้นหนังกำพร้า
รักษาได้ไหม?รักษาได้แต่ต้องใช้เวลานาน และต้องเลี่ยงแดดอย่างเคร่งครัดจางลงได้ง่ายเมื่อเลี่ยงแดด ใช้ครีมหรือเลเซอร์ช่วยได้
มีผลจากฮอร์โมนไหมมี เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมไม่มีผลเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน
โอกาสเกิดซ้ำสูง หากไม่ป้องกันอย่างต่อเนื่องมีโอกาสเกิดซ้ำเมื่อเจอแดดบ่อย
กลุ่มที่พบผู้หญิงวัย 20-50 ปี ผิวคล้ำผิวขาวหรือไวต่อแสง เด็ก วัยรุ่น

บริเวณที่เกิดฝ้า กระได้บ่อย

บริเวณที่ฝ้ามักขึ้นบ่อยที่สุดคือส่วนกลางของใบหน้า อย่างโหนกแก้ม หน้าผาก สันจมูก เหนือริมฝีปาก และคางค่ะ เพราะเป็นจุดที่ผิวได้รับแสงแดดโดยตรงและบ่อยมาก ส่วนกระมักจะขึ้นเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายอยู่ตามบริเวณที่โดนแดดเช่นกัน อย่างแก้ม จมูก หน้าผาก แขน และไหล่ ซึ่งมักจะเห็นได้ชัดในคนที่ผิวขาวและไวต่อแสงแดด ทั้งสองบริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่เสี่ยงที่เราควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันและลดโอกาสเกิดฝ้าหรือกระค่ะ

รักษา ฝ้า กระ  เทคโนโลยีทันสมัย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ เราคัดเทคโนโลยีชั้นนำ มาเพื่อดูแลผิวโดยเฉพาะ เช่น เลเซอร์ที่ช่วยลดเม็ดสีฝ้า กระอย่างตรงจุด, การผลัดผิวด้วยสูตรอ่อนโยน หรือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรพิเศษ ที่ช่วยลดรอยอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีรักษาฝ้า กระ ให้เหมาะกับผิวคุณ

ต้องบอกก่อนค่ะว่า การรักษาฝ้าและกระให้เหมาะกับผิวของแต่ละคนนั้น ต้องเริ่มจากการเข้าใจลักษณะผิว และสาเหตุของปัญหาก่อนค่ะ เพราะฝ้าและกระแม้จะดูคล้ายกันแต่ต้นตอและวิธีจัดการต่างกัน ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมวิธีรักษายอดนิยมมาไว้ให้แล้ว มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

  • การผลัดผิวด้วยเคมี (Chemical Peel)

เป็นวิธีที่ง่ายและนิยมสุดคือใช้ครีมทาที่มีส่วนผสมช่วยลดเมลานิน เหมาะมากกับกระที่อยู่ผิวชั้นนอกและฝ้าตื้น เช่น ไฮโดรควิโนน, กรดอะเซลาอิก, วิตามินซี, หรือทรานซามิกแอซิด โดยต้องทาต่อเนื่อง 1-3 เดือน

  • ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน ครีมกันแดดคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ค่ะ เพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ฝ้าและกระรุนแรงขึ้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงเมื่อต้องออกแดด เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดสีเพิ่มมากขึ้น

  • ยารับประทานสำหรับฝ้าฮอร์โมน 

ในกรณีฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน เช่น ฝ้าครรภ์หรือจากยาคุมกำเนิด ยารับประทาน เช่น ทรานซามิก แอซิด จะช่วยลดการผลิตเมลานินจากภายใน วิธีนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพราะมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ เหมาะกับฝ้าฮอร์โมนที่รักษาด้วยครีมหรือเลเซอร์แล้วไม่ดีขึ้น ผิวทุกประเภทใช้ได้ แต่ต้องเช็กสุขภาพก่อนค่ะ

  • สกินแคร์อ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย 

ถ้าผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชะเอม ไนอะซินาไมด์ หรือวิตามินซีเข้มข้นต่ำ ช่วยลดเม็ดสีแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ระคายเคือง เหมาะกับฝ้าตื้นและกระทั่วไป ควรใช้คู่กับมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงการขัดผิวแรง ๆ

มาถึงตรงนี้แล้วสำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ สามารถจองคิวปรึกษาปัญหาเรื่องสิวกับคุณหมอได้ทันที ปรึกษาฟรี

  • การทำเลเซอร์ (Laser)

เป็นการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่นิยมมาก สามารถช่วยลดเลือนรอยจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรักษารูขุมขนกว้าง ซึ่งปัจจุบันการเลเซอร์แบ่งออกได้เป็นหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Microneedling หรือ Pico Laser และยังมีอีกมายมายให้ได้เลือกตามสภาพผิว 

วิธีป้องกันไม่ให้ฝ้า-กระกลับมา

เรื่องฝ้ากระรักษาให้จางลงได้ก็จริง แต่ถ้าเราไม่ป้องกันดี ๆ รอยเหล่านี้กลับมากวนใจได้เหมือนกันค่ะ เพราะความจริงแล้วการรักษาก็ส่วนหนึ่ง แต่การป้องกันก็เป็นเหมือนอีกครึ่งนึงของผลลัพธ์เลยค่ะ วันนี้เราจะมาดูวิธีดูแลผิวง่าย ๆ ที่ช่วยให้ฝ้า-กระไม่ย้อนกลับมาอีกแน่นอนค่ะ

  • ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้วันที่อยู่บ้าน 

แสงแดดคือตัวการใหญ่ที่กระตุ้นฝ้าและกระให้กลับมาเข้มขึ้นค่ะ ดังนั้นต้องทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน แม้วันที่อยู่บ้านหรือฝนตก ก่อนออกแดด 15 นาที ปริมาณประมาณ 2 ข้อนิ้วสำหรับหน้า และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงถ้าอยู่กลางแจ้ง เลือกสูตรที่เหมาะกับผิว ถ้าเราทากันแดดดี ผิวรอดแน่นอนค่ะ

  • หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงจ้า

ไม่ใช่แค่แดดค่ะ ความร้อนจากเตาไฟ ไดร์เป่าผม หรือแม้แต่แสงจากหน้าจอคอม/มือถือ ก็สามารถกระตุ้นเม็ดสีได้เช่นกัน ลองใช้หมวกหรือผ้าคลุมเวลาทำครัว และปรับแสงหน้าจอให้อ่อนลงจะช่วยได้มากเลยค่ะ ที่สำคัญหลีกเลี่ยงแดดช่วงพีค พยายามอยู่ในร่มช่วง 10.00-16.00 น. ถ้าต้องออกแดดก็หาวิธีป้องกันอย่างดีก่อนออกไปปะทะแดด

  • ใช้สกินแคร์บำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง

หลังจากรักษาฝ้า กระ จนจางแล้ว ควรบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดเม็ดสีอย่างวิตามินซี, อาร์บูติน หรือไนอาซินาไมด์ เพื่อคงความสม่ำเสมอของสีผิว และป้องกันไม่ให้รอยกลับมาใหม่

  • หมั่นเติมความชุ่มชื้นให้ผิว

ผิวที่ชุ่มชื้นจะฟื้นตัวดีและไม่ไวต่อแดดเกินไปค่ะ ดังนั้นควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกเช้าและก่อนนอนเพื่อให้ผิวแข็งแรงขึ้น

  • ระวังฮอร์โมนแปรปรวน

ฮอร์โมนที่เปลี่ยน เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หรือการกินยาคุม อาจกระตุ้นให้ฝ้ากลับมาได้ ถ้าเคยมีฝ้ามาก่อน ลองปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกยาคุม หรือหาทางปรับฮอร์โมนให้สมดุล เพื่อลดโอกาสฝ้าซ้ำ

  • ดูแลสุขภาพผิวจากภายใน 

ความเครียด และการนอนดึก ก็มีผลต่อการเกิดฝ้าได้เหมือนกัน ควรนอนหลับให้พอ ดื่มน้ำเยอะ กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีและอี ช่วยให้ผิวแข็งแรง ต้านรอยใหม่ได้ดีขึ้น ผิวฟื้นตัวได้ดี

  • พบแพทย์เป็นระยะ

หากเคยรักษาด้วยเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ ควรนัด follow up เพื่อเช็กว่าผิวยังปกติดีไหม และอาจมีการเติมทรีตเมนต์เบา ๆ เพื่อคงสภาพผิวให้ดีต่อเนื่อง ไม่ให้เม็ดสีทำงานมากเกินไปอีกค่ะ

บริเวณที่ฝ้า กระ มักขึ้นบ่อยที่สุดคือส่วนกลางของใบหน้า อย่างโหนกแก้ม หน้าผาก สันจมูก เหนือริมฝีปาก และคาง

รักษาฝ้า กระ ที่ควิโยมิคลินิก ศรีราชา

ถ้าฝ้า กระ ทำให้คุณกังวลใจ อยากได้ผิวเนียนเรียบแบบไร้รอย “Qiyomi Clinic” ศรีราชาคือคำตอบค่ะ เราเป็นคลินิกที่ชำนาญการดูแลผิวหน้า โดยเฉพาะการจัดการฝ้าและกระ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมช่วยให้คุณมั่นใจในผิวสวยอีกครั้ง

 ที่ Qiyomi Clinic คุณจะได้รับการดูแลแบบใส่ใจทุกเคส จากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหน้า ด้วยประสบการณ์กว่า 7 ปี คุณหมอดูแลคลินิกด้วยตัวเอง ให้คำแนะนำแบบตรงไปตรงมา วิเคราะห์สาเหตุของฝ้าและกระอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะกับผิวคุณที่สุด รับรองว่าสบายใจตั้งแต่เข้ามาคุยเลยค่ะ

โปรแกรมรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Melasma & Freckles Program) เพื่อให้ตอบโจทย์ที่สุด บางคนเจอฝ้าจากฮอร์โมน บางคนมีกระจากแสงแดด เราจึงออกแบบแผนดูแลผิวเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตรงกับปัญหาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าปื้นใหญ่ หรือกระจุดเล็ก ๆ แผนของเราจะช่วยให้รอยจางลง ผิวสว่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย

เทคโนโลยีทันสมัย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ เราคัดเทคโนโลยีชั้นนำ มาเพื่อดูแลผิวโดยเฉพาะ เช่น เลเซอร์ที่ช่วยลดเม็ดสีฝ้า กระอย่างตรงจุด, การผลัดผิวด้วยสูตรอ่อนโยน หรือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรพิเศษ ที่ช่วยลดรอยอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวิธีได้รับการรับรองว่าไม่ทำร้ายผิว มาที่นี่ที่เดียวผิวสวยครบจบแน่นอน

Qiyomi Clinic คือที่พึ่งของคนรักผิว ด้วยประสบการณ์ 7 ปี คุณหมอเจ้าของคลินิกดูแลเองทุกเทส ทำให้เรามั่นใจว่าผิวคุณจะดีขึ้นจริง ไม่ว่าฝ้าจะฝังลึก หรือกระจะสะสมมานาน แผนดูแลของเราจะช่วยให้ผิวเนียนใส คุณจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่ส่องกระจก 

คำถามที่พบบ่อย

ฝ้า กระ สามารถรักษาให้หายขาดได้มั้ย

  • ฝ้าและกระรักษาให้หายขาดได้ยากค่ะ เพราะฝ้ามีโอกาสกลับมาได้อีกหากยังเจอปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงแดด ความร้อน ฮอร์โมน แต่ทั้งนี้ก็ทำให้จางลงได้ ถ้าดูแลอย่างต่อเนื่องค่ะ โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้กลับมาใหม่ เช่น ทาครีมกันแดดทุกวัน หลีกเลี่ยงแดดจ้า และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวค่ะ

ผิวประเภทใด ที่มีแนวโน้มจการเกิดฝ้า กระ?

  • คนที่มีผิวขาวหรือผิวบาง มักมีแนวโน้มเป็นกระมากกว่าค่ะ ส่วนคนที่มีผิวสองสีหรือผิวคล้ำ จะเจอปัญหาฝ้าได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่โดนแดดบ่อย หรือมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ตอนตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมกำเนิดค่ะ

ผู้ชายสามารถเป็นฝ้าได้หรือไม่?

  • เป็นได้ค่ะ ถึงแม้จะพบในผู้หญิงมากกว่า แต่ผู้ชายก็มีโอกาสเป็นฝ้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ทำงานกลางแจ้ง หรือไม่ค่อยทาครีมกันแดด ฝ้าในผู้ชายมักจะเป็นแบบแดดล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับฮอร์โมนเท่าผู้หญิง

เราสามารถทำการรักษาฝ้า กระ ด้วยตัวเองได้หรือไม่?

  • ได้ค่ะ ถ้าเป็นในระดับเบา ๆ เราสามารถเริ่มดูแลได้เองเลยค่ะ เช่น ใช้ครีมที่มีสารช่วยลดเม็ดสี และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องทากันแดดทุกวัน แต่ถ้าฝ้าหรือกระลึกขึ้นมาเยอะ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

เราสามารถเป็นฝ้า กระ ในเวลาเดียวกันได้หรือไม่ ?

  • ได้ค่ะ ลายคนมีทั้งฝ้าและกระอยู่พร้อมกัน เพราะเกิดจากปัจจัยใกล้เคียงกัน เช่น แสงแดดและพันธุกรรม ซึ่งบางทีฝ้าอาจขึ้นเป็นปื้นใหญ่ ส่วนกระจะเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายบนใบหน้า ซึ่งเกิดจากเมลานินทั้งคู่ 

การรักษาฝ้า กระ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะเห็นผล?

  • โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลภายใน 4-8 สัปดาห์ ถ้าดูแลอย่างต่อเนื่องนะคะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความลึกของฝ้า กระ และวิธีการรักษาด้วยค่ะ บางคนอาจต้องใช้เวลานานกว่านี้นิดนึง แต่ถ้ารักษาถูกวิธี บวกกับป้องกันดี โอกาสกลับมาก็น้อยลงเยอะเลยค่ะ

Share the Post:

บทความอื่นๆ

Scroll to Top