สวัสดีค่ะสาว ๆ และทุกคนที่อยากมีผิวสวยใส! เรื่อง ฝ้า กระ นี่คงเป็นดราม่าผิวยอดฮิตที่เจอจนปวดใจใช่มั้ยคะ หลายคนน่าจะเคยมีช่วงเวลาที่ต้องยืนหน้ากระจกแล้วสงสัยว่า รอยสีน้ำตาลหรือจุดบนหน้าเรานี่ เป็นฝ้าหรือกระกันแน่ใช่ไหมคะ เชื่อว่าหลายคนคงแอบเซ็ง อยากให้ผิวกลับมาเนียนเหมือนเดิมแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง โดยเฉพาะคนที่ต้องเจอแดดบ่อย ใช้สกินแคร์ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือมีผิวบอบบางแพ้ง่าย วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับสาเหตุของฝ้าและกระว่าแท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นจากอะไร ใครบ้างที่เสี่ยงจะเป็นมากกว่าคนอื่น พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลรักษาที่ปลอดภัย เห็นผล และไม่ทำให้ผิวพังในระยะยาวค่ะ
ฝ้า (Melasma) คืออะไร?
ฝ้า (Melasma) คือปัญหาผิวที่หลายคนกังวลใจ โดยเฉพาะในสาว ๆ วัย 20-50 ปี หรือคนที่มีผิวคล้ำจะเจอบ่อยกว่า มักจะเริ่มสังเกตเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ลักษณะของฝ้าจะเป็นรอยคล้ำหรือปื้นสีน้ำตาลอมเทาหรืออมเหลือง ที่ขึ้นเป็นแถบ ๆ บนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก ฝ้ามักมีขอบเขตไม่ชัดเจน ต่างจาก “กระ” ที่มักจะเป็นจุดเล็ก ๆ คมชัดกระจายทั่วใบหน้า ซึ่งทำให้หลายคนสับสนว่าอันไหนคือฝ้า อันไหนคือกระ
สาเหตุหลักของฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดอย่างเดียวนะคะ แต่ยังมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงตั้งครรภ์ การกินยาคุม หรือแม้แต่วัยทองก็ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เมลานินผลิตเม็ดสีมากขึ้นจนกลายเป็นฝ้าได้ง่าย ยิ่งถ้าเราไม่ทาครีมกันแดดหรือไม่หลบแดดเลย ผิวก็ยิ่งมีโอกาสโดนกระตุ้นบ่อยขึ้น จนกลายเป็นฝ้าลึกที่รักษายาก ดังนั้นควรปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทุกวัน และดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง แค่นี้ก็สามารถเสริมเกราะให้ผิวได้แล้วค่ะ
กระ (Freckles) คืออะไร?
กระ (Freckles) คือจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลที่มักขึ้นบนใบหน้า ไหล่ แขน หรือบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ โดยเฉพาะในคนที่มีผิวขาวหรือผิวไวต่อแสงแดด กระจะดูเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อออกแดด เพราะร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติเพื่อปกป้องผิว ซึ่ง กระจะมีขนาดเล็กราว 1-2 มม. สีออกน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม ขอบค่อนข้างชัด ต่างจาก “ฝ้า” ที่เป็นปื้นใหญ่และขอบเบลอ ที่น่าสนใจคือกระมักจะเข้มขึ้นช่วงหน้าร้อน และจางลงในหน้าหนาวหรือเมื่อหลบแดด ไม่เจ็บไม่คัน แต่ถ้ามีเยอะอาจทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอ ซึ่งกระมี 3 ประเภท ดังนี้
- กระแดด (Solar Lentigines)
เกิดจากแสงแดดสะสมมาในระยะยาว พบมากในวัย 30 ขึ้นไป
- กระธรรมดา (Ephelides)
กระทั่วไปในเด็กถึงวัยรุ่น เกิดจากพันธุกรรมผสมแดด
- กระเนื้อ (Seborrheic Keratoses)
จะนูนขึ้นจากผิวหนังเล็กน้อย และมักเกิดในผู้สูงอายุ
ตัวการหลักของการเกิดกระ คือ แสงแดด โดยเฉพาะรังสี UV ที่ไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้ทำงานหนักเกินไป รวมถึงพันธุกรรมก็มีผลเหมือนกัน ถ้าคุณมีพ่อแม่หรือญาติเป็นกระ หรือมีผิวขาว ผมแดง ตาสีอ่อน ลูกก็มีแนวโน้มจะมีกระสูงเลยค่ะ การป้องกันที่ดีที่สุดจึงเป็นการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงแดดช่วงเที่ยง และเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้นได้ค่ะ หากใครมีปัญหาเกี่ยวกับฝ้า กระ และกำลังต้องการที่ปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำการรักษาที่เหมาะสมแก่คุณ สามารถสอบถามทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของคิโยมิคลีนิคได้เลย
ฝ้า vs กระ ต่างกันยังไง?
ลักษณะ | ฝ้า (Melasma) | กระ (Freckles) |
ลักษณะ | เป็นปื้นคล้ำ สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม กลืนกับผิว | เป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาล 1-2 มม.กระจายเป็นหย่อม ๆ บนผิว |
ตำแหน่งที่พบบ่อย | โหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก คาง | แก้ม จมูก หน้าผาก ไหล่ แขน หรือบริเวณโดนแดดบ่อย |
สาเหตุหลัก | ฮอร์โมน แสงแดด พันธุกรรม | แสงแดด พันธุกรรม |
สีของรอย | มักมีสีเข้มแบบเทา น้ำตาลเข้มหรืออมดำ | สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแดง ขึ้นชัดเมื่อโดนแดด |
ชั้นผิวที่เกิด | อาจอยู่ได้ทั้งชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ | ส่วนใหญ่อยู่ในชั้นหนังกำพร้า |
รักษาได้ไหม? | รักษาได้แต่ต้องใช้เวลานาน และต้องเลี่ยงแดดอย่างเคร่งครัด | จางลงได้ง่ายเมื่อเลี่ยงแดด ใช้ครีมหรือเลเซอร์ช่วยได้ |
มีผลจากฮอร์โมนไหม | มี เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หรือกินยาคุม | ไม่มีผลเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน |
โอกาสเกิดซ้ำ | สูง หากไม่ป้องกันอย่างต่อเนื่อง | มีโอกาสเกิดซ้ำเมื่อเจอแดดบ่อย |
กลุ่มที่พบ | ผู้หญิงวัย 20-50 ปี ผิวคล้ำ | ผิวขาวหรือไวต่อแสง เด็ก วัยรุ่น |
บริเวณที่เกิดฝ้า กระได้บ่อย
บริเวณที่ฝ้ามักขึ้นบ่อยที่สุดคือส่วนกลางของใบหน้า อย่างโหนกแก้ม หน้าผาก สันจมูก เหนือริมฝีปาก และคางค่ะ เพราะเป็นจุดที่ผิวได้รับแสงแดดโดยตรงและบ่อยมาก ส่วนกระมักจะขึ้นเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายอยู่ตามบริเวณที่โดนแดดเช่นกัน อย่างแก้ม จมูก หน้าผาก แขน และไหล่ ซึ่งมักจะเห็นได้ชัดในคนที่ผิวขาวและไวต่อแสงแดด ทั้งสองบริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่เสี่ยงที่เราควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันและลดโอกาสเกิดฝ้าหรือกระค่ะ
วิธีรักษาฝ้า กระ ให้เหมาะกับผิวคุณ
ต้องบอกก่อนค่ะว่า การรักษาฝ้าและกระให้เหมาะกับผิวของแต่ละคนนั้น ต้องเริ่มจากการเข้าใจลักษณะผิว และสาเหตุของปัญหาก่อนค่ะ เพราะฝ้าและกระแม้จะดูคล้ายกันแต่ต้นตอและวิธีจัดการต่างกัน ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมวิธีรักษายอดนิยมมาไว้ให้แล้ว มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
- การผลัดผิวด้วยเคมี (Chemical Peel)
เป็นวิธีที่ง่ายและนิยมสุดคือใช้ครีมทาที่มีส่วนผสมช่วยลดเมลานิน เหมาะมากกับกระที่อยู่ผิวชั้นนอกและฝ้าตื้น เช่น ไฮโดรควิโนน, กรดอะเซลาอิก, วิตามินซี, หรือทรานซามิกแอซิด โดยต้องทาต่อเนื่อง 1-3 เดือน
- ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน ครีมกันแดดคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ค่ะ เพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ฝ้าและกระรุนแรงขึ้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงเมื่อต้องออกแดด เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดสีเพิ่มมากขึ้น
- ยารับประทานสำหรับฝ้าฮอร์โมน
ในกรณีฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน เช่น ฝ้าครรภ์หรือจากยาคุมกำเนิด ยารับประทาน เช่น ทรานซามิก แอซิด จะช่วยลดการผลิตเมลานินจากภายใน วิธีนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพราะมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ เหมาะกับฝ้าฮอร์โมนที่รักษาด้วยครีมหรือเลเซอร์แล้วไม่ดีขึ้น ผิวทุกประเภทใช้ได้ แต่ต้องเช็กสุขภาพก่อนค่ะ
- สกินแคร์อ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย
ถ้าผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชะเอม ไนอะซินาไมด์ หรือวิตามินซีเข้มข้นต่ำ ช่วยลดเม็ดสีแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ระคายเคือง เหมาะกับฝ้าตื้นและกระทั่วไป ควรใช้คู่กับมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงการขัดผิวแรง ๆ
มาถึงตรงนี้แล้วสำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ สามารถจองคิวปรึกษาปัญหาเรื่องสิวกับคุณหมอได้ทันที ปรึกษาฟรี
- การทำเลเซอร์ (Laser)
เป็นการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่นิยมมาก สามารถช่วยลดเลือนรอยจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรักษารูขุมขนกว้าง ซึ่งปัจจุบันการเลเซอร์แบ่งออกได้เป็นหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Microneedling หรือ Pico Laser และยังมีอีกมายมายให้ได้เลือกตามสภาพผิว
วิธีป้องกันไม่ให้ฝ้า-กระกลับมา
เรื่องฝ้ากระรักษาให้จางลงได้ก็จริง แต่ถ้าเราไม่ป้องกันดี ๆ รอยเหล่านี้กลับมากวนใจได้เหมือนกันค่ะ เพราะความจริงแล้วการรักษาก็ส่วนหนึ่ง แต่การป้องกันก็เป็นเหมือนอีกครึ่งนึงของผลลัพธ์เลยค่ะ วันนี้เราจะมาดูวิธีดูแลผิวง่าย ๆ ที่ช่วยให้ฝ้า-กระไม่ย้อนกลับมาอีกแน่นอนค่ะ
- ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้วันที่อยู่บ้าน
แสงแดดคือตัวการใหญ่ที่กระตุ้นฝ้าและกระให้กลับมาเข้มขึ้นค่ะ ดังนั้นต้องทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน แม้วันที่อยู่บ้านหรือฝนตก ก่อนออกแดด 15 นาที ปริมาณประมาณ 2 ข้อนิ้วสำหรับหน้า และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงถ้าอยู่กลางแจ้ง เลือกสูตรที่เหมาะกับผิว ถ้าเราทากันแดดดี ผิวรอดแน่นอนค่ะ
- หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงจ้า
ไม่ใช่แค่แดดค่ะ ความร้อนจากเตาไฟ ไดร์เป่าผม หรือแม้แต่แสงจากหน้าจอคอม/มือถือ ก็สามารถกระตุ้นเม็ดสีได้เช่นกัน ลองใช้หมวกหรือผ้าคลุมเวลาทำครัว และปรับแสงหน้าจอให้อ่อนลงจะช่วยได้มากเลยค่ะ ที่สำคัญหลีกเลี่ยงแดดช่วงพีค พยายามอยู่ในร่มช่วง 10.00-16.00 น. ถ้าต้องออกแดดก็หาวิธีป้องกันอย่างดีก่อนออกไปปะทะแดด
- ใช้สกินแคร์บำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง
หลังจากรักษาฝ้า กระ จนจางแล้ว ควรบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดเม็ดสีอย่างวิตามินซี, อาร์บูติน หรือไนอาซินาไมด์ เพื่อคงความสม่ำเสมอของสีผิว และป้องกันไม่ให้รอยกลับมาใหม่
- หมั่นเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
ผิวที่ชุ่มชื้นจะฟื้นตัวดีและไม่ไวต่อแดดเกินไปค่ะ ดังนั้นควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกเช้าและก่อนนอนเพื่อให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- ระวังฮอร์โมนแปรปรวน
ฮอร์โมนที่เปลี่ยน เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หรือการกินยาคุม อาจกระตุ้นให้ฝ้ากลับมาได้ ถ้าเคยมีฝ้ามาก่อน ลองปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกยาคุม หรือหาทางปรับฮอร์โมนให้สมดุล เพื่อลดโอกาสฝ้าซ้ำ
- ดูแลสุขภาพผิวจากภายใน
ความเครียด และการนอนดึก ก็มีผลต่อการเกิดฝ้าได้เหมือนกัน ควรนอนหลับให้พอ ดื่มน้ำเยอะ กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีและอี ช่วยให้ผิวแข็งแรง ต้านรอยใหม่ได้ดีขึ้น ผิวฟื้นตัวได้ดี
- พบแพทย์เป็นระยะ
หากเคยรักษาด้วยเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ ควรนัด follow up เพื่อเช็กว่าผิวยังปกติดีไหม และอาจมีการเติมทรีตเมนต์เบา ๆ เพื่อคงสภาพผิวให้ดีต่อเนื่อง ไม่ให้เม็ดสีทำงานมากเกินไปอีกค่ะ
รักษาฝ้า กระ ที่ควิโยมิคลินิก ศรีราชา
ถ้าฝ้า กระ ทำให้คุณกังวลใจ อยากได้ผิวเนียนเรียบแบบไร้รอย “Qiyomi Clinic” ศรีราชาคือคำตอบค่ะ เราเป็นคลินิกที่ชำนาญการดูแลผิวหน้า โดยเฉพาะการจัดการฝ้าและกระ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมช่วยให้คุณมั่นใจในผิวสวยอีกครั้ง
ที่ Qiyomi Clinic คุณจะได้รับการดูแลแบบใส่ใจทุกเคส จากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหน้า ด้วยประสบการณ์กว่า 7 ปี คุณหมอดูแลคลินิกด้วยตัวเอง ให้คำแนะนำแบบตรงไปตรงมา วิเคราะห์สาเหตุของฝ้าและกระอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะกับผิวคุณที่สุด รับรองว่าสบายใจตั้งแต่เข้ามาคุยเลยค่ะ
โปรแกรมรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Melasma & Freckles Program) เพื่อให้ตอบโจทย์ที่สุด บางคนเจอฝ้าจากฮอร์โมน บางคนมีกระจากแสงแดด เราจึงออกแบบแผนดูแลผิวเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตรงกับปัญหาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าปื้นใหญ่ หรือกระจุดเล็ก ๆ แผนของเราจะช่วยให้รอยจางลง ผิวสว่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
เทคโนโลยีทันสมัย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ เราคัดเทคโนโลยีชั้นนำ มาเพื่อดูแลผิวโดยเฉพาะ เช่น เลเซอร์ที่ช่วยลดเม็ดสีฝ้า กระอย่างตรงจุด, การผลัดผิวด้วยสูตรอ่อนโยน หรือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรพิเศษ ที่ช่วยลดรอยอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวิธีได้รับการรับรองว่าไม่ทำร้ายผิว มาที่นี่ที่เดียวผิวสวยครบจบแน่นอน
Qiyomi Clinic คือที่พึ่งของคนรักผิว ด้วยประสบการณ์ 7 ปี คุณหมอเจ้าของคลินิกดูแลเองทุกเทส ทำให้เรามั่นใจว่าผิวคุณจะดีขึ้นจริง ไม่ว่าฝ้าจะฝังลึก หรือกระจะสะสมมานาน แผนดูแลของเราจะช่วยให้ผิวเนียนใส คุณจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่ส่องกระจก
คำถามที่พบบ่อย
ฝ้า กระ สามารถรักษาให้หายขาดได้มั้ย
- ฝ้าและกระรักษาให้หายขาดได้ยากค่ะ เพราะฝ้ามีโอกาสกลับมาได้อีกหากยังเจอปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงแดด ความร้อน ฮอร์โมน แต่ทั้งนี้ก็ทำให้จางลงได้ ถ้าดูแลอย่างต่อเนื่องค่ะ โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้กลับมาใหม่ เช่น ทาครีมกันแดดทุกวัน หลีกเลี่ยงแดดจ้า และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวค่ะ
ผิวประเภทใด ที่มีแนวโน้มจการเกิดฝ้า กระ?
- คนที่มีผิวขาวหรือผิวบาง มักมีแนวโน้มเป็นกระมากกว่าค่ะ ส่วนคนที่มีผิวสองสีหรือผิวคล้ำ จะเจอปัญหาฝ้าได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่โดนแดดบ่อย หรือมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ตอนตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมกำเนิดค่ะ
ผู้ชายสามารถเป็นฝ้าได้หรือไม่?
- เป็นได้ค่ะ ถึงแม้จะพบในผู้หญิงมากกว่า แต่ผู้ชายก็มีโอกาสเป็นฝ้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ทำงานกลางแจ้ง หรือไม่ค่อยทาครีมกันแดด ฝ้าในผู้ชายมักจะเป็นแบบแดดล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับฮอร์โมนเท่าผู้หญิง
เราสามารถทำการรักษาฝ้า กระ ด้วยตัวเองได้หรือไม่?
- ได้ค่ะ ถ้าเป็นในระดับเบา ๆ เราสามารถเริ่มดูแลได้เองเลยค่ะ เช่น ใช้ครีมที่มีสารช่วยลดเม็ดสี และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องทากันแดดทุกวัน แต่ถ้าฝ้าหรือกระลึกขึ้นมาเยอะ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
เราสามารถเป็นฝ้า กระ ในเวลาเดียวกันได้หรือไม่ ?
- ได้ค่ะ ลายคนมีทั้งฝ้าและกระอยู่พร้อมกัน เพราะเกิดจากปัจจัยใกล้เคียงกัน เช่น แสงแดดและพันธุกรรม ซึ่งบางทีฝ้าอาจขึ้นเป็นปื้นใหญ่ ส่วนกระจะเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายบนใบหน้า ซึ่งเกิดจากเมลานินทั้งคู่
การรักษาฝ้า กระ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะเห็นผล?
- โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลภายใน 4-8 สัปดาห์ ถ้าดูแลอย่างต่อเนื่องนะคะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความลึกของฝ้า กระ และวิธีการรักษาด้วยค่ะ บางคนอาจต้องใช้เวลานานกว่านี้นิดนึง แต่ถ้ารักษาถูกวิธี บวกกับป้องกันดี โอกาสกลับมาก็น้อยลงเยอะเลยค่ะ