เชื่อว่าคงมีใครหลายคนเคยเป็นกันใช่ไหมคะ ตื่นเช้ามากำลังจะออกจากบ้านแล้วพบว่าสิวเม็ดเป้ง โผล่ขึ้นมากลางหน้าผากแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือบางคนที่ดูแลผิวอย่างดี ใช้สกินแคร์ครบทุกขั้นตอน แต่สิวก็ยังขึ้นไม่หยุด แถมทิ้งรอยดำรอยแดงไว้เป็นของแถมให้เจ็บใจเล่นอีกต่างหาก
สิวอาจดูเหมือนแค่เรื่องเล็ก ๆ บนผิวหน้า แต่ในความเป็นจริงเจ้าสิ่งนี้มันสามารถส่งผลกระทบได้มากกว่านั้นค่ะ แน่นอนว่าแนกเลยคือเราจะเสียมั่นใจไปเลยโดยเฉพาะตำแหน่งที่เด่น ๆ บนใบหน้า ไปจนถึงอารมณ์ในแต่ละวัน ลองคิดดูสิคะว่าแค่สิวเม็ดเดียวก็ทำให้เรารู้สึกอยากหลบหน้าคนทั้งวันได้แล้ว แล้วถ้ามีเป็นสิบ ๆ เม็ดล่ะจะทำยังไง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่แค่เรื่องของผิวอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือเรื่องของความมั่นใจ
ยังมีอีกหลายคนที่ยังคงเชื่อว่าสิวเป็นเรื่องของวัยรุ่น โตแล้วเดี๋ยวก็หายเอง แต่ความจริงคือสิวไม่ได้เลือกอายุ ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้แต่วัยผู้ใหญ่ที่เครียดกับงานจนสิวบุก เพราะทุกคนล้วนมีโอกาสเจอกับได้ทั้งนั้น และยิ่งเราไม่เข้าใจสิวอย่างถูกต้อง ก็ยิ่งดูแลผิดวิธี จนบางครั้งอาการก็แย่ลงกว่าเดิม ดังนั้นในบทความนี้เราจะขอพาทุกคนไปเจาะลึกเรื่องสิว ๆ ตั้งแต่ประเภทของสิวที่คุณอาจไม่เคยรู้ สาเหตุที่ซ่อนเร้นจนคุณอาจมองข้าม ไปจนถึงวิธีดูแล และรักษาแบบจริงจังแต่เข้าใจง่าย พร้อมเคลียร์ความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้คนเป็นสิวหลายคนต้องพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกกันค่ะ
ทำไมสิวจึงเป็นปัญหาผิวที่พบบ่อย?
ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ยังไงก็ยังต้องเผชิญกับเจ้าตัวปัญหากวนใจอย่างสิว ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน วัยทำงานที่มีความเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่คิดว่าสิวควรจะจบไปแล้วในช่วงมัธยม แต่กลับเจอสิวในวัยผู้ใหญ่มาเยือนอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
สิวเป็นปัญหาผิวที่พบบ่อยที่สุดชนิดหนึ่ง สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ด้วยเหตุผลหลายด้าน ทั้งปัจจัยภายในร่างกายอย่างฮอร์โมน ระบบภูมิคุ้มกัน หรือพันธุกรรม รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างฝุ่น ควัน แสงแดด อาหาร การดูแลผิวไม่เหมาะสม และแม้กระทั่งอารมณ์ความเครียด เพื่อให้เข้าใจปัญหาสิวอย่างแท้จริง ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากเรื่องพื้นฐานกันก่อนค่ะ
“สิว” (Acne) คือ ภาวะที่รูขุมขนอุดตันจาก ไขมันหรือน้ำมันจากต่อมไขมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งตกค้างอยู่ในรูขุมขน และเมื่อมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งเจริญเติบโตในบริเวณที่อุดตันนั้น ก็จะเกิดการอักเสบขึ้น กลายเป็นสิวอักเสบ หรือบางครั้งอาจพัฒนาต่อจนเป็นสิวหนอง สิวหัวช้างนั่นเองค่ะ
ทำไมสิวจึงเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย?
แม้หลายคนจะเข้าใจว่าสิวเป็นปัญหาของวัยรุ่น แต่นี่เป็นเพียงช่วงวัยที่สิวพบบ่อยที่สุด เท่านั้นค่ะ ความจริงแล้วสิวสามารถเกิดขึ้นได้ใน ทุกเพศทุกวัย เพราะปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวนั้นมีมากกว่าฮอร์โมนวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็น
- ฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งกระตุ้นการผลิตไขมัน — ส่งผลได้ทั้งในวัยรุ่น หญิงมีประจำเดือน หรือผู้หญิงวัยทำงาน
- ความเครียด ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มีผลต่อการอักเสบ และอาจกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้น
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอาง ที่ทำให้เกิดรูขุมขนอุดตัน ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้
- พฤติกรรมประจำวัน เช่น ล้างหน้าไม่สะอาด นอนดึก กินอาหารมันหรือหวานจัด ก็มีส่วนในการกระตุ้นการเกิดสิว
- กรรมพันธุ์ บางคนมีผิวที่เป็นสิวง่ายมาตั้งแต่พันธุกรรม
ด้วยเหตุนี้เองสิวจึงกลายเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่ดูแลผิวดีมาตลอดก็ยังมีสิวขึ้นได้ เพราะต้นเหตุไม่ได้จำกัดแค่เรื่องภายนอกนั่นเองค่ะ
ความสำคัญของการรู้จักประเภทของสิว เพื่อรักษาได้ถูกวิธี
การรักษาสิวแบบเหมารวม ใช้ยาตัวเดียวกับสิวทุกแบบ ใช้ครีมที่เพื่อนแนะนำ หรือพยายามบีบทุกเม็ดให้หาย ไม่เพียงไม่ช่วยให้ดีขึ้นแต่ยังอาจทำให้สิวแย่ลง เกิดการอักเสบ ทิ้งรอยดำ รอยแผลเป็น หรือแม้แต่ทำให้สิวกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้ เพราะฉะนั้นการรู้จักและแยกแยะประเภทของสิว เข้าใจว่าสิวที่ขึ้นอยู่บนผิวนั่นคือสิวประเภทไหน ถือเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาอย่างถูกต้องแล้วค่ะเพราะแต่ละประเภทมีวิธีดูแลที่ต่างกัน ขอยกตัวอย่างเช่น
สิวอุดตัน ที่เกิดจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ก็จะรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว และหลีกเลี่ยงการบีบเอง ส่วนสิวอักเสบก็จำเป็นต้องใช้พวกยาฆ่าเชื้อเฉพาะจุด เช่น Benzoyl Peroxide, คลินดามัยซิน และต้องหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแบบจัดเต็มไปก่อนด้วยค่ะ

สิวเกิดจากอะไร?
ต้องบอกก่อนเลยค่ะ ว่าสิวไม่ได้เกิดมาจากสาเหตุเดียว สิวมักเกิดจากการที่ต่อมไขมันในผิวหนังผลิตน้ำมัน (Sebum) มากเกินไป ซึ่งสามารถผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน เมื่อรูขุมขนอุดตันจะเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นสิวได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวมีหลายปัจจัย แต่เราจะมาพูดถึง 4 สาเหตุหลักกันดังนี้ค่ะ
ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป
ในผิวหนังของเรามีต่อมไขมันที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำมันเพื่อให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น แต่เมื่อมันทำงาน มากเกินไป เช่น จากฮอร์โมน ความเครียด หรืออาหาร น้ำมันจะไหลมามากจนทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันในที่สุด
เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกไม่หมด
โดยปกติร่างกายจะผลัดเซลล์ผิวออกทุก 28 วัน แต่ถ้าผิวของคุณผลัดเซลล์ไม่ดี หรือมีสิ่งสกปรกตกค้างร่วมด้วย เซลล์ผิวเหล่านี้จะไปอุดตันรูขุมขน และทำให้ไขมันที่ผลิตออกมาไม่มีทางระบาย
แบคทีเรีย P. acnes (Propionibacterium acnes)
แบคทีเรียชนิดนี้เป็นแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวตามปกติ แต่เมื่อรูขุมขนอุดตัน น้ำมันเยอะ และไม่มีออกซิเจน ก็จะเป็นสภาพแวดล้อมที่แบคทีเรียชอบ มันจะเจริญเติบโต และกระตุ้นให้เกิด การอักเสบ กลายเป็นสิวอักเสบหรือสิวหนอง
การอักเสบของผิวหนัง
เมื่อเกิดการติดเชื้อหรือการระคายเคืองจากการกด บีบ หรือสัมผัสบ่อย ๆ ผิวก็จะอักเสบ ทำให้สิวลุกลามหรือกลายเป็นรอยแดง รอยดำได้ง่ายขึ้น
สิวเป็นเรื่องธรรมดาก็จริงแต่เผื่อไม่ให้เกิดเป็นหลุมสิวเราก็ไม่ควรมองข้ามตั้งแต่แรกค่ะ แถมมันอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความไม่สมดุลในร่างกาย หรือพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อผิวในระยะยาว การเข้าใจว่าสิวคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง และแต่ละชนิดมีวิธีจัดการอย่างไร จะทำให้คุณสามารถดูแลผิวได้ตรงจุดมากขึ้น ไม่ต้องเดาสุ่ม ไม่ต้องลองผิดลองถูก และที่สำคัญคือสามารถป้องกันไม่ให้สิวกลับมาได้อีกด้วยนั่นเองค่ะ
สิวมีกี่ประเภท? แต่ละแบบเป็นยังไง?
เมื่อพูดถึง “สิว” หลายคนอาจนึกถึงแค่ตุ่มแดง ๆ ที่ขึ้นตามหน้า แต่ในความเป็นจริงสิวมีหลายประเภทมากค่ะ และแต่ละแบบก็มีลักษณะเฉพาะตัว รวมถึงสาเหตุและวิธีดูแลที่ต่างกันไป ดังนั้นการรู้ว่า สิวแบบไหนกำลังขึ้นอยู่บนผิวของเราจะช่วยให้เลือกวิธีรักษาได้ถูกต้อง ไม่ต้องลองผิดลองถูกให้เสียเวลา และไม่เสี่ยงทำให้สิวลุกลามหรือทิ้งรอยไว้ในระยะยาว มาดูกันว่าสิวแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง และสังเกตได้อย่างไรว่าเรากำลังเจอกับสิวแบบไหนอยู่ค่ะ
- สิวหัวดำ (Blackheads) เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่เปิดออก เมื่อไขมันและเซลล์ผิวตายผสมกับอากาศจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ลักษณะจะเป็นจุดเล็ก ๆ สีดำบนผิวหนัง
- สิวหัวขาว (Whiteheads) คล้ายกับสิวหัวดำ แต่สิวหัวขาวจะมีการอุดตันในรูขุมขนที่ปิดสนิท ทำให้มันดูเป็นตุ่มขาว ๆ หรือสีเหลืองเล็ก ๆ บนผิวหนัง
- สิวผด (Pimples) สิวประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงที่มีหนองข้างใน เกิดจากการอักเสบในรูขุมขน เนื่องจากการสะสมของแบคทีเรียและไขมัน
- สิวซีสต์ (Cystic Acne) เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่มีการอักเสบมาก และสามารถเจ็บได้ มักจะเกิดลึกใต้ผิวหนังและเป็นตุ่มแข็ง อาจมีหนองภายใน หากไม่ดูแลให้ดีอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้เลยค่ะ
- สิวหัวช้าง (Nodules) คล้ายกับสิวซีสต์ แต่สิวหัวช้างมักจะไม่มีหนองภายใน เป็นก้อนแข็งที่เกิดจากการอักเสบในชั้นลึกของผิวหนัง มักจะเจ็บและใช้เวลานานในการหาย
- สิวอุดตัน (Comedones) สิวอุดตันรวมทั้งสิวหัวดำและหัวขาว เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน
แต่ละประเภทจะมีวิธีการรักษาที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวดำและหัวขาว ที่อาจจะรักษาด้วยการทำความสะอาดผิว ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ส่วนสิวอักเสบหรือซีสต์อาจต้องการการรักษาโดยแำพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญเรื่องสิว เพื่อลดการอักเสบ และลดโอกาสการเกิดหลุมสิวหรือรอยแผลเป็น

บริเวณที่พบสิวขึ้นได้บ่อยในร่างกาย มีส่วนไหนบ้าง?
การที่สิวขึ้นได้ในหลาย ๆ บริเวณของร่างกายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าสิวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งการอับชื้น การเสียดสีจากเสื้อผ้า หรือการสะสมของไขมันและสิ่งสกปรกที่รูขุมขน ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าบริเวณไหนในร่างกายที่สิวมักขึ้น จะช่วยให้เราสามารถดูแลผิวได้ดียิ่งขึ้น ป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นบ่อย ๆ มาดูกันค่ะว่าตำแหน่งที่สิวมักผุดขึ้นมาทักทายให้เราเห็นกันบ่อย ๆ มีอะไรบ้าง
- ใบหน้า บริเวณที่พบสิวได้บ่อยที่สุด เพราะมีต่อมไขมันมากที่สุด โดยเฉพาะในบริเวณ T-zone อย่างหน้าผาก จมูก คาง ซึ่งเป็นจุดที่มีการผลิตน้ำมันมาก ทำให้เกิดการอุดตันและเป็นสิวได้ง่าย
- หลัง สิวที่หลังมักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการเสียดสีจากเสื้อผ้า หรือเหงื่อที่ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย หรือที่เรียกว่า “Bacne” ยิ่งร้อนยิ่งเจอเยอะค่ะ
- หน้าอก เช่นเดียวกับหลัง หน้าอกก็มีต่อมไขมันที่สามารถผลิตน้ำมันได้มาก และสิวมักจะเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน หรือการเสียดสีจากเสื้อผ้าที่คับแน่น
- ไหล่ บริเวณไหล่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่พบสิวบ่อย โดยเฉพาะในคนที่สวมเสื้อผ้าที่รัดเกินไปหรือมีการเสียดสีของเสื้อผ้า
- แขนและขา สิวที่แขนและขา มักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งจุดนี้อาจมีการอักเสบร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณที่มีการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ
- คอ บริเวณคออาจพบสิวได้บ่อยเช่นกัน โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาผิวมัน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมทำให้เกิดการอุดตัน
- ก้น แม้จะไม่ค่อยได้ยินกันบ่อย ๆ แต่สิวสามารถขึ้นได้ที่ก้น โดยมักจะเป็นการอักเสบของรูขุมขนจากการนั่งนาน ๆ หรือการใส่กางเกงรัด ๆ ที่ทำให้เกิดการเสียดสีและอับชื้น
- หนังศีรษะ เกิดจากการสะสมของไขมัน การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่อาจมีสารตกค้าง เช่น แชมพูหรือครีมนวดผม หากไม่ล้างออกอย่างสะอาดสิวจะเกิดขึ้นที่บริเวณรากผมได้
อย่างที่ย้ำกันไปค่ะ ว่าสิวไม่ใช่แค่ปัญหาเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบนหน้าโดยทั่วไปแล้ว สิวมักเกิดในพื้นที่ที่มีต่อมไขมันมาก หรือมีการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ แต่การรักษาความสะอาดและหลีกเลี่ยงการเสียดสีมากเกินไปจะช่วยลดการเกิดสิวได้
วิธีแก้สิวให้หายเร็วและได้ผล
การรักษาสิวให้หายเร็วและได้ผลต้องขึ้นอยู่กับประเภทของสิวและสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวในแต่ละคนค่ะ ดังนั้นการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับประเภทของสิวจึงสำคัญมาก เพื่อให้เราสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันการเกิดสิวซ้ำ ซึ่งไม่ใช่แค่การใช้ยาหรือครีม แต่ยังเกี่ยวข้องกับการดูแลผิวให้ถูกต้องเพื่อการฟื้นฟูที่ดีขึ้น มาดูกันว่าวิธีการแก้สิวแต่ละแบบให้หายเร็วและได้ผล นั้นมีอะไรบ้าง
รักษาสิวอุดตัน คือสิวที่ยังไม่มีการอักเสบ ไม่เจ็บ ไม่แดง ไม่มีหนอง แต่กวนใจสุด ๆ เพราะมักขึ้นซ้ำ ๆ ที่เดิม ลูบหน้าทีไรเจอตุ่มเล็ก ๆ อยู่ใต้ผิวทุกที เป็นสิวที่ มักเกิดจากการที่รูขุมขนถูกอุดตันด้วยไขมัน จนมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมกันอยู่ ซึ่งวิธีดูแลแบบง่าย ๆ เลยคือ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น โฟมล้างหน้าหรือเจลที่มี AHA, BHA หรือกรดซาลิไซลิก จะช่วยละลายสิ่งอุดตันให้ค่อย ๆ หลุดออก
- ใช้เจลแต้มสิวที่ช่วยลดความมันและเปิดรูขุมขน เช่น เรตินอล หรือ Adapalene ซึ่งตัวนี้อาจต้องเริ่มทาเบา ๆ เพราะบางคนจะแสบช่วงแรก
- หมั่นทำความสะอาดผิวหน้าให้ดี โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายหรือแต่งหน้า อย่าลืมเช็ดคลีนซิ่งก่อนล้างหน้าทุกครั้ง
ที่สำคัญงดบีบเด็ดขาด เพราะสิวอุดตันที่โดนบีบแรง ๆ อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้ทันทีเลย
รักษาสิวอักเสบ สิวอักเสบคือระดับถัดไปของสิวอุดตัน เมื่อเจ้าแบคทีเรีย P. acnes เข้าไปในรูขุมขน ก็จะเกิดการอักเสบ บวม แดง บางครั้งก็มีหนอง อาจเจ็บหรือไม่เจ็บ แล้วแต่ว่าอักเสบลึกแค่ไหน วิธีดูแลแบบง่าย ๆ เลยคือ
- ใช้เจลแต้มสิวที่มี Benzoyl Peroxide หรือ Clindamycin โดยยาทั้ง 2 ตัวนี้เป็นยาฆ่าเชื้อช่วยลดการอักเสบ ทำให้สิวยุบไว ไม่บวมแดงนาน
- อย่ากด อย่าแกะ! ยิ่งมือไม่สะอาด โอกาสบวมหนัก ทิ้งรอยดำ หรือเป็นหลุมก็ยิ่งสูง
- ประคบเย็นช่วงที่สิวเริ่มปวด ๆ ช่วยลดบวมแดงได้ดีมาก
- ถ้าสิวเยอะหลายเม็ด หรือลุกลามเป็นสิวหัวช้าง ควรไปหาหมอผิวหนังเพื่อฉีดสิวหรือใช้ยารับประทาน
ซึ่งเคล็ดลับที่อยากแนะนำคืออยากให้ลองใช้ใช้แผ่นแปะสิวปิดทับไว้จะช่วยลดการสัมผัส และดูดของเหลวบางส่วนออกด้วย แถมยังกันเราเผลอไปจับอีกด้วยค่ะ
รักษาสิวฮอร์โมน เป็นสิวที่สังเกตได้ง่ายมากเลยค่ะ ส่วนมากเค้ามักจะชอบขึ้นช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือขึ้นเฉพาะตรงคาง กราม กรอบหน้าแบบชัด ๆ บางทีก็เป็นสิวอักเสบ บางทีก็เป็นตุ่มลึก โดยสามารถดูแลรักษาตั้งแต่ภายในร่างกายได้ดังนี้
- นอนให้พอ ลดความเครียด เพราะฮอร์โมนจะปั่นป่วนเวลานอนน้อย เครียดสะสม
- กินอาหารที่ไม่กระตุ้นฮอร์โมนมากเกินไป เช่น งดของทอด น้ำตาล ของมัน และนมวัว บางคนแพ้นมวัวแล้วเป็นสิวแบบไม่รู้ตัวเลย
- ยาคุมกำเนิด ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ลดการผลิตน้ำมันในผิวหนัง และช่วยลดสิวที่เกิดจากฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเลือกชนิดที่เหมาะสมกับตัวเรา
- ใช้ยาต้านแอนโดรเจน (Anti-androgens) ลดระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนที่กระตุ้นการผลิตน้ำมัน มักใช้ในกรณีที่สิวฮอร์โมนรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น
แน่นอนว่าการรักษาสิวไม่ได้จบในวันเดียว แต่ถ้าดูแลอย่างต่อเนื่อง มีวินัย ไม่ใช้อะไรมั่ว ๆ ก็เห็นผลเร็วแน่นอนค่ะ เพราะสิวแต่ละแบบก็มีวิธีรับมือเฉพาะของมัน การจะทำให้สิวหายไว ไม่ใช่แค่ซื้อยามาทาแล้วจบ แต่ต้องรู้ว่ากำลังเจอกับสิวแบบไหน แล้วเลือกวิธีที่เหมาะกับมันจริง ๆ ให้ผิวฟื้นกลับมาได้ไวกว่าเดิม
เคล็ดลับป้องกันสิวไม่ให้กลับมา
ถ้าอยากให้สิวไม่กลับมาหลอกหลอนให้ปวดหัวอีก ต้องรู้จักวิธีป้องกันไว้ก่อนค่ะ และถ้าใครรู้ตัวว่าเคยมีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบมาก่อนก็ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะสิวไม่เคยถามหาคุณว่าพร้อมหรือไม่! ถ้าไม่อยากให้มันกลับมาทำร้ายผิวหน้าคุณอีก ลองทำตามเคล็ดลับนี้ดูก่อนค่ะ
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกต้อง ล้างหน้าทุกวัน แต่ไม่ล้างบ่อยเกินไป การล้างหน้าอย่างอ่อนโยนด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไปสามารถช่วยลดความมันส่วนเกินและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ โดยล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือบีบสิว การบีบหรือสัมผัสสิวจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังผิวรอบ ๆ ทำให้สิวลุกลามได้ อาจทิ้งรอยแผลเป็นได้ ปล่อยให้สิวแห้งและหลุดออกเองจะดีกว่า
- มาส์กหน้าด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น มาส์กที่มีส่วนผสมจากชาเขียว หรือผงทาร์ตาร์มาส์กที่ช่วยลดการอักเสบ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยรักษาสิว
- Benzoyl Peroxide : ช่วยฆ่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ลดการอักเสบของผิว
- Salicylic Acid (BHA) : ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
- Retinoid (เช่น Retinol) : ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและเร่งการฟื้นฟูผิว
- Tea Tree Oil : น้ำมันทีทรีช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบได้ดี
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนนี้จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการอักเสบของสิว โดยสามารถใช้ในขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหรือทาโดยตรงที่บริเวณที่เป็นสิว
- ควบคุมความเครียดและการพักผ่อน เพื่อลดความเครียดสามารถช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความสมดุล และช่วยลดสิว
- รักษาความสะอาดของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สัมผัสกับใบหน้า ของบางอย่างอยาจเป็นสิ่งที่เราอาจคาดไม่ถึงค่ะ เช่นพวกโทรศัพท์มือถือ ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน หรือแม้แต่แปรงแต่งหน้า
- การฉีดสิว การฉีดสิวถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เห็นผลรวดเร็วมากภายใน 1-3 วันหลังทำ ไม่ว่าจะเป็นสิวสิวอักเสบ สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์
- ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ หากสิวไม่หายหรือมีอาการรุนแรง อาจต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมเฉพาะที่แพทย์จ่าย เช่น ยาปฏิชีวนะหรือยา Retinoid เพื่อเร่งการหายของสิว
การทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นได้เยอะเลยค่ะ แต่จำไว้ว่าแต่ละคนมีสภาพผิวที่แตกต่างกัน ไม่ควรพึ่งวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ควรผสมหลายแนวทาง และคำนึงถึงสาเหตุของสิวแต่ละประเภท เพื่อให้สิวหายอย่างยั่งยืนและไม่กลับมาเป็นซ้ำอีกค่ะ

รักษาสิวที่ คิโยมิคลินิก ดีอย่างไร
Qiyomi Clinic เราเชื่อว่าการดูแลสิวที่ดี ต้องเริ่มจากการเข้าใจผิวของแต่ละคน เพราะสิวของแต่ละคนมีสาเหตุไม่เหมือนกันเลย บางคนเป็นสิวฮอร์โมน บางคนแพ้สารเคมี หน้ามัน รูขุมขนอุดตัน หรือบางทีก็ใช้สกินแคร์ผิดจนทำให้สิวเห่อขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว
เรามีโปรแกรมเฉพาะบุคคล (Personalized Acne Scars Program) เพราะหลุมสิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจึงออกแบบโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าคุณจะมีหลุมสิวมานานแค่ไหน หรือเป็นหลุมสิวลึกแบบไหน เราก็สามารถช่วยให้ผิวค่อย ๆ ตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ Qiyomi Clinic คุณจะได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการรักษาหลุมสิวโดยตรง มากกว่า 7 ปี พร้อมทั้งเป็นแพทย์เจ้าของคลินิกที่ใส่ใจในทุกเคส ไม่ใช่แค่รักษา แต่ยังให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา
เรามีเทคโนโลยีทันสมัย ครบ จบในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์รักษาหลุมสิว, การกระตุ้นคอลลาเจน, การใช้เข็มพิเศษ หรือเทคนิคเฉพาะทางอื่น ๆ เราเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และเห็นผลจริงในระยะเวลาสั้น
สร้างความมั่นใจให้คุณได้กลับมาอวดผิวสวย และหลงรักผิวตัวเองซ้ำ ๆ อีกครั้ง เพราะเราอยากให้ทุกคนกลับมารู้สึกดีกับผิวตัวเองอีกครั้ง กล้าที่จะโชว์หน้าใส ๆ มากขึ้นแบบไม่ต้องปกปิด และหลงรักผิวของตัวเองได้ในทุก ๆ วัน
“Qiyomi Clinic” เราเป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาสิวและหลุมสิว ที่บริหารงานโดยคุณหมอที่เป็นเจ้าของคลินิกเอง ด้วยประสบการณ์ดูแลรักษาหลุมสิวมายาวนานกว่า 7 ปี และไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมดูแลผิวหน้าของคุณด้วยเทคนิคและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ไม่ว่าคุณจะมีหลุมสิวลึกจากสิวที่เคยอักเสบ หรือรอยแผลเป็นที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ด้วยโปรแกรมรักษาหลุมสิวที่ออกแบบมาเฉพาะรายบุคคล (Personalized Acne Scars Program) เพื่อช่วยให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และทำให้ผิวของคุณเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นผลในระยะเวลาที่รวดเร็ว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิว
สิวหัวดำกับสิวหัวขาวต่างกันยังไง?
- สิวหัวดำ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เปิดออก ทำให้มันสัมผัสกับอากาศและกลายเป็นสีดำ
สิวหัวขาว คือสิวที่มีการอุดตันในรูขุมขนที่ปิด ทำให้ไม่เห็นหัวหรือสีดำค่ะ
สิวอักเสบหายแล้วเป็นรอยดำ ทำยังไงดี?
- หลังจากสิวหายแล้วถ้ามีรอยดำอยู่ ให้ลองใช้ ครีมที่มีวิตามิน C หรือ AHA/BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว และอย่าลืมทา ครีมกันแดด ป้องกันไม่ให้รอยดำเข้มขึ้นนะคะ
ใช้ครีมรักษาสิวไม่เห็นผล ควรทำยังไง?
- ถ้าใช้ครีมแล้วไม่เห็นผล อาจจะต้องลองปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา หรือ ปรึกษาหมอผิวหนัง เพื่อหาวิธีที่ตรงจุดมากขึ้นค่ะ
สิวฮอร์โมนเกิดขึ้นเฉพาะช่วงวัยรุ่นหรือไม่?
- สิวฮอร์โมนไม่เกิดแค่ช่วงวัยรุ่นค่ะ สามารถเกิดได้ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะช่วงที่ฮอร์โมนแปรปรวน เช่น ก่อนมีประจำเดือน หรือช่วงที่เครียดค่ะ
สิวที่หลังเกิดจากอะไร? แก้ยังไง?
- สิวที่หลังเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากเหงื่อและความมันค่ะ ควร อาบน้ำหลังออกกำลังกาย ทันที และใช้ โลชั่นหรือเจลที่ช่วยควบคุมความมัน หรือจะเลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีค่ะ