หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่หลายคนเผชิญ โดยเฉพาะหลังจากสิวอักเสบหายไปแล้ว แต่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนและส่งผลต่อความมั่นใจ การเข้าใจประเภทของหลุมสิวและวิธีการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนได้อีกครั้ง
หลุมสิว คืออะไร
หลุมสิวเกิดจากอะไร
หลุมสิว (Atrophic Scars) เกิดจากการที่ผิวหนังได้รับความเสียหายจากกระบวนการอักเสบของสิว โดยเฉพาะสิวที่มีอาการอักเสบรุนแรง ซึ่งมักจะมีการติดเชื้อ และมีการแตกของผิวหนังบริเวณที่สิวเกิดขึ้น เมื่อสิวหายไปก็จะทิ้งแผลเป็นไว้ที่ชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดหลุมสิวหรือร่องลึกบนผิวหน้า มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลึกแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของสิวนั่นเอง
สิวแบบไหนที่สามารถกลายเป็นหลุมสิวได้
สำหรับสิวที่มีโอกาสกลายเป็นหลุมสิวได้มากที่สุด คือ ประเภทสิวที่มีอาการอักเสบรุนแรง หรือสิวที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ทำให้ผิวหนังได้รับความเสียหายจนเกิดหลุมสิวในที่สุด ซึ่งประเภทของสิวที่มีความเสี่ยงสูงในการกลายเป็นหลุมสิวมี ดังนี้
- สิวหัวช้าง (Cyst)
สิวหัวช้าง (Cystic Acne) เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดใหญ่ ลึก และเจ็บปวด เกิดจากการอักเสบลึกของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวหลังจากหายได้ การรักษาอย่างถูกวิธีและทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- สิวอักเสบ (Pustule)
- สิวเป็นไต (Nodular)
หลุมสิวมีกี่ประเภท
หลุมสิวนั้นเกิดขึ้นเมื่อสิวอักเสบหรือสิวที่ลึกทำลายชั้นผิวหนังจนเกิดแผลเป็น ซึ่งทำให้เกิดรอยบุ๋มหรือหลุมที่เห็นได้ชัด โดยหลุมสิวสามารถมีลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของสิวที่เกิดขึ้น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
หลุมสิวแบบจิก (Ice Pick Scar) คือ หลุมสิวที่มีลักษณะคล้ายกับการถูกจิกลงไปในผิวหนัง เนื่องจากมีรอยแผลที่ลึกและแคบ คมเหมือนรอยที่เกิดจากการใช้สิ่งของแหลม ๆ จิกลงไปในผิวหนัง จึงเป็นหลุมที่มีขนาดเล็กและลึกมาก ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากสิวที่อักเสบอย่างรุนแรง ทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลายลึกลงไปมาก มักจะเกิดจากสิวที่ไม่ได้รับการรักษาหรือถูกบีบกดจนทำให้แผลลึก จึงมีลักษณะหลุมสิวชนิดนี้จะมีความลึกและแคบ เหมือนรอยจิกของเข็ม มีรูที่ดูเหมือนการเจาะลงไป มักเกิดจากสิวที่อักเสบรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
หลุมสิวแบบกล่อง (Boxcar Scar) คือ หลุมสิวที่มีลักษณะเป็นแผลที่มีขอบชัดเจนคล้ายกับรูสี่เหลี่ยม หรือรอยหลุมเป็นรูปทรงคล้ายกล่อง โดยมีการทำลายผิวหนังลึกลงไปในรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มุมคม ขอบของหลุมจะชัดเจนและมักจะทำให้ผิวดูไม่เรียบ สาเหตุเกิดจากการอักเสบของสิว ที่ทำให้ผิวถูกทำลายอย่างลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (dermis) ส่งผลให้เกิดแผลที่มีขอบมุมชัดเจน มักเกิดจากสิวอักเสบที่มีการทำลายชั้นผิวหนังลึก
หลุมสิวแอ่งกระทะ (Rolling Scar) คือ หลุมสิวที่มีลักษณะคล้ายแอ่งที่ผิวหนัง มีการยุบตัวลงเล็กน้อย เหมือนมีการยุบลงเป็นคลื่นเล็ก ๆ ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบและมีรอยเป็นหลุม หรือมีความลึกที่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะมีขอบที่ไม่ชัดเจน และมีความโค้งมน ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่ผิวหนังเสียหายจากสิวอักเสบ โดยเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังกำลังยุบตัวลงไม่สมบูรณ์จากการอักเสบ ทำให้ผิวเกิดการยุบตัวไปในทิศทางที่ไม่เท่ากัน
วิธีรักษาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง
ต้องขออธิบายก่อนว่าทั้งหลุมสิวและรูขุมขนกว้างจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจก่อนว่าแม้ว่าทั้งสองจะเป็นปัญหาที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเหมือนกัน แต่ทั้งสองก็เกิดจากคนละสาเหตุที่แตกต่างกัน โดยรูขุมขนกว้างจะทำให้ต่อมไขมันเกิดการขยายจนกลายเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และกลายเป็นหลุมสิวในท้ายที่สุด ซึ่งสำหรับการรักษาหลุมสิวและรูขุมขนกว้างสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรง และปัญหาผิวของแต่ละคน เพื่อปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นและฟื้นฟูความเรียบเนียน โดยมีวิธีรักษา ดังนี้
- การใช้ครีมและเซรั่มเพิ่มความชุ่มชื้น
การใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นช่วยฟื้นฟูผิวตั้งแต่ระดับพื้นฐานเพื่อปรับสภาพผิว ลดการระคายเคืองจากการรักษาหลุมสิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงและซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น โดยเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ทำให้ผิวมันเกินไป (Oil-free) และไม่มีแอลกอฮอล์ ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมอย่าง กรดไฮยาลูโรนิก หรือ Ceramides เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ใช้วิตามินซี (Vitamin C)
สำหรับวิธีนี้สามารถใช้รักษาได้ทั้งหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง เพื่อช่วยกระตุ้นผิวใส ลดรอยจุดด่างดำ ซึ่งสำหรับการรักษาหลุมสิวสามารถเริ่มด้วยวิตามินซีที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 10% เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และลดรอยจากสิวที่เกิดขึ้นได้
- เรตินอล (Retinol)
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้หลุมสิวตื้นขึ้น และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้นเพื่อลดเลือนหลุมสิวและรอยแผลจากสิว ซึ่งควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำ และหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ AHA, BHA หรือวิตามินซี ที่สำคัญก่อนใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องวิธีการใช้อย่างละเอียด เพื่อลดการระคายเคือง
- ใช้ AHA หรือ BHA
เป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก นิยมใช้ในการผลัดเซลล์ผิวและช่วยลดเลือนหลุมสิว ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA อ่อน ๆ ในตอนกลางคืน เพื่อลดการระคายเคือง และหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีกรดแรงอื่น ๆ และที่สำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดในตอนเช้า เพราะกรดเหล่านี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
- Juve
Juve เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถฉีดเติมเต็มหลุมสิวได้ มีส่วนผสมหลักคือ Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ เป็นฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความเนียนให้กับผิว ซึ่งนำมาใช้สำหรับรักษาหลุมสิวที่ลึก ริ้วรอย และรูขุมขนกว้าง เติมเต็มผิวที่มีการยุบตัวหรือหลุมสิว ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผิวดูเต็มและเรียบเนียนขึ้น
- Subsicion
Subcision หลุมสิว เป็นหัตถการด้านความงามที่ใช้ในการรักษาหลุมสิว โดยจะใช้เข็มพิเศษที่มีขนาดเล็กปลายทู่ ในการเจาะเข้าไปใต้ผิวหนังในบริเวณที่เป็นหลุมสิว เพื่อการเลาะพังผืดหลุมสิวให้คลาย หรือทำลายเนื้อเยื่อ ที่ยึดติดระหว่างผิวหนังชั้นบนและชั้นลึก ซึ่งมักจะเป็นสาเหตุให้เกิดหลุมสิวหรือแผลเป็นที่ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่ทำให้ผิวถูกทำลาย
ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังใหม่แทนที่พังผืดที่ดึงผิวออก ลดร่องลึก และเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้น ผิวเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิว หรือแผลเป็นจากสิว ที่มีลักษณะลึก เป็นหลุมมองเห็นชัดเจน หรือรูขุมขนกว้างมาก และไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ครีม สกินแคร์ หรือวิธีการรักษาอื่น ๆ
- ฉีดรีจูรัน (Rejuran)
เป็นการฉีดสารโพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) ที่ช่วยฟื้นฟูผิวโดยเฉพาะในการซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งเป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน มีความคล้ายคลึงกับ DNA ของมนุษย์ เพื่อนำมาช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น และได้ความธรรมชาติ
- การทำเลเซอร์ (Laser)
เป็นการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่นิยมมาก สามารถช่วยลดเลือนรอยจุดด่างดำ หลุมสิวในระดับที่ไม่รุนแรง และรักษารูขุมขนกว้าง ซึ่งปัจจุบันการเลเซอร์แบ่งออกได้เป็นหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Microneedling หรือ Pico Laser และยังมีอีกมายมายให้ได้เลือกตามสภาพผิว
- ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
เป็นการรับประทานอาหาเสริมที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างการใช้วิตามิน A, C, E และกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดี ผิวลื่นขึ้นอีกด้วย
ลักษณะหลุมสิวที่ต้องรักษาโดยแพทย์
ทางเลือกที่ได้ผลสำหรับการฟื้นฟูผิวหน้าอย่างแท้จริง การรักษาหลุมสิว เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องมากกว่าการรักษาสิวทั่วไป เนื่องจากหลุมสิวเกิดจากการทำลายโครงสร้างผิวในระดับลึก จึงทำให้ยากที่จะฟื้นฟูด้วยการใช้สกินแคร์เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะหลุมสิวที่มีความลึกหรือเห็นได้ชัดเจน จำเป็นต้องได้รับการดูแลโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาหลุมสิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การดูแลตัวเมื่อมีหลุมสิว
เคล็ดลับเพื่อผิวฟื้นฟูเร็ว ลดการเกิดหลุมสิวใหม่ การมี หลุมสิว บนใบหน้าอาจส่งผลต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของหลายคน นอกจากการรักษาหลุมสิวกับแพทย์แล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การฟื้นฟูผิวหน้าได้ผลดีขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวใหม่ในอนาคต มีดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และไม่ทำให้ผิวแห้ง และล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ขจัดสิ่งสกปรก และความมันส่วนเกินบนผิวหน้า เพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่และไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
- งดการสัมผัสบริเวณใบหน้า เนื่องจากการสัมผัสด้วยมือที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดระคายเคืองและอักเสบในที่สุด หลุมสิวมีขนาดใหญ่และยากต่อการรักษา
- เลือกครีมที่เหมาะกับผิวหน้า มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของ เรตินอล (Retinol) Moisturizer หรือกลุ่มวิตามิน C ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากหลุมสิว
- ทาครีมกันแดดทุกวัน และควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน เพราะแสงแดดสามารถทำให้หลุมสิวมีสีเข้มขึ้นหรือรอยแผลเป็นชัดขึ้น ดังนั้นการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการทำร้ายจากแสง UV และช่วยให้รอยแผลเป็นหายเร็วขึ้น
การป้องกันการเกิดหลุมสิว
เริ่มต้นง่าย ๆ เพื่อผิวหน้าเรียบเนียนในระยะยาว ด้วนการป้องกันการเกิดหลุมสิว
ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายคนคิด หากเรามีวินัยในการดูแลผิวหน้าอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ก็สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและดูสุขภาพดีได้ในระยะยาว เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับหลุมสิว คือ การป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวตั้งแต่แรก
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว เพื่อลดการอักเสบที่อาจทำให้เกิดเป็นแผล หรือทิ้งรอยหลุมลึกได้ในอนาคต หากรู้สึกว่ามีสิวหัวหนองหรือหัวสิวที่อยากให้หายเร็ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมดีกว่าค่ะ
- ทำความสะอาดผิวหน้าทุกวัน ช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและไขมันที่อาจทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิว
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันสิว หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดการอักเสบ การอุดตันของรูขุมขน และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
- การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดด หรือในวันที่อยู่ในที่ร่ม เพื่อป้องกันผิวจากการถูกทำลายจากแสงแดด ซึ่งแสง UV สามารถทำให้รอยสิวหรือหลุมสิวดำและลึกขึ้นได้
- การรักษาผิวให้ชุ่มชื้น ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ซึ่งสามารถลดการเกิดสิวได้ เพราะเมื่อผิวแห้งจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันมากขึ้น และทำให้รูขุมขนอุดตัน
- ในกรณีที่มีสิวเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ควรรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่สิวจะอักเสบหนักจนกลายเป็นหลุมสิว เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นและหลุมสิวที่ยากจะรักษา
เลือกรักษาหลุมสิว ที่ Qiyomi คลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว
หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้เรียบเนียนและลดหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น “Qiyomi Clinic” คือคำตอบค่ะ เพราะเราเป็นตัวจริงด้านการรักษาสิว หลุมสิว และยกกระชับปรับรูปหน้า ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยร่วมกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางในด้านการรักษาหลุมสิว ให้คุณกลับมามีผิวที่เรียบเนียนขึ้นได้อย่างน่าพอใจ
เรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ที่ Qiyomi Clinic คุณจะได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการรักษาหลุมสิวโดยตรง มากกว่า 7 ปี พร้อมทั้งเป็นแพทย์เจ้าของคลินิกที่ใส่ใจในทุกเคส ไม่ใช่แค่รักษา แต่ยังให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา
เรามีโปรแกรมเฉพาะบุคคล (Personalized Acne Scars Program)
เพราะหลุมสิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจึงออกแบบโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าคุณจะมีหลุมสิวมานานแค่ไหน หรือเป็นหลุมสิวลึกแบบไหน เราก็สามารถช่วยให้ผิวค่อย ๆ ตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เรามีเทคโนโลยีทันสมัย ครบ จบในที่เดียว
ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์รักษาหลุมสิว, การกระตุ้นคอลลาเจน, การใช้เข็มพิเศษ หรือเทคนิคเฉพาะทางอื่น ๆ เราเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และเห็นผลจริงในระยะเวลาสั้น
“Qiyomi Clinic” เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาสิวและหลุมสิว ที่บริหารงานโดยคุณหมอที่เป็นเจ้าของคลินิกเอง ด้วยประสบการณ์ดูแลรักษาหลุมสิวมายาวนานกว่า 7 ปี และไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมดูแลผิวหน้าของคุณด้วยเทคนิคและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ไม่ว่าคุณจะมีหลุมสิวลึกจากสิวที่เคยอักเสบ หรือรอยแผลเป็นที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ด้วยโปรแกรมรักษาหลุมสิวที่ออกแบบมาเฉพาะรายบุคคล (Personalized Acne Scars Program) เพื่อช่วยให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และทำให้ผิวของคุณเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นผลในระยะเวลาที่รวดเร็ว สร้างความมั่นใจให้คุณได้กลับมาอวดผิวสวย และหลงรักผิวตัวเองซ้ำ ๆ อีกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลุมสิว
- หลุมสิวสามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม?
หลุมสิวสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้มาก แต่ยังไม่สามารถหายขาดได้ 100% การรักษาในปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และลดพังผืดที่เป็นสาเหตุของหลุมสิว หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์โดยตรง
- สามารถรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองได้หรือไม่?
ในกรณีที่หลุมสิวยังไม่ลึกมาก อาจสามารถดูแลด้วยตัวเองได้ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ วิตามิน C หรือ AHA/BHA ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์และสร้างคอลลาเจนใหม่ อย่างไรก็ตาม หากหลุมสิวลึกหรือมีจำนวนมาก ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
- ถ้ามีหลุมสิวเยอะมาก ควรดูแลหรือรักษาอย่างไรดี?
หากหลุมสิวมีจำนวนมากและมีความลึก ควรเข้ารับการประเมินและรักษาโดยแพทย์ อาจมีการแนะนำวิธี เช่น Subcision, เลเซอร์ หรือ Juve ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวเรียบขึ้น สำหรับหลุมสิวที่รุนแรง อาจต้องรักษาหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
- หลังการรักษาหลุมสิว ยังมีโอกาสกลับมาเป็นอีกหรือไม่?
ผลลัพธ์จากการรักษาหลุมสิวสามารถอยู่ได้นาน หากมีการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากการรักษาหลุมสิวไม่ใช่การป้องกันการเกิดสิวใหม่ หากยังมีสิวอักเสบเกิดขึ้น หรือดูแลผิวไม่ดี อาจมีโอกาสเกิดหลุมสิวใหม่ได้
- การทาครีมสามารถช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ไหม?
ครีมบางชนิดสามารถช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นได้ เช่น ครีมที่มีเรตินอยด์ ซึ่งช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และครีมที่มี AHA หรือ BHA ซึ่งช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เหมาะสำหรับหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก แต่ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาต่อเนื่องและควรใช้ภายใต้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
- การบีบสิวเม็ดเล็กๆ จะทำให้เกิดหลุมสิวหรือไม่?
การบีบสิวไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ล้วนเสี่ยงต่อการอักเสบและเกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวในระยะยาว แม้สิวจะดูไม่รุนแรง แต่การบีบสามารถทำลายเนื้อเยื่อผิวได้ จึงควรหลีกเลี่ยงและหาวิธีรักษาที่เหมาะสมแทนจะดีกว่า
- สิวแบบไหนที่มักจะทำให้เกิดหลุมสิว?
สิวที่มีการอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวช้าง (Cystic acne), สิวอักเสบ (Pustule), หรือสิวเป็นไต (Nodular acne) มักมีโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวได้สูง การดูแลและรักษาแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญ